Interview : 20 ปี อีโบล่า – รุ่นใหญ่สายเมทัล Comeback!!

Interview : 20 ปี อีโบล่า – รุ่นใหญ่สายเมทัล Comeback!!

หากเปรียบกับชีวิตของคน เวลากว่า 20 ปี คงเป็นช่วงเข้าสู่วัย “บรรลุนิติภาวะ” ในความหมายที่ว่า เป็นผู้พบเจอประสบการณ์ต่างๆ มากมาย ดั่งสายน้ำที่ทอดตัวยาวผ่านสรรพสิ่งที่ในบางครั้งก็ดูเกรี้ยวกราด ดุดัน แต่ในบางคราวก็ดูสงบนิ่ง เยือกเย็น เอื่อยไหล วนเวียนกันไปตามฤดูกาล ร้อน ฝน ลมหนาว..

เวลากว่า 20 ปี บนเส้นทางสายดนตรีของ Ebola (1997 – 2017) ที่ก่อร่างสร้างตัวกันขึ้นมาของผองเพื่อน-พี่น้อง ที่เริ่มต้นจากศูนย์ มีเพียงแค่ความรัก และอุดมการณ์บนแนวทางดนตรีที่ยากเหลือเกินหากคิดจะประสบความสำเร็จในวงกว้าง แต่นั่นกลับไม่ใช่ปัญหาของพวกเขาสักเท่าไหร่ เพราะเอาเข้าจริงๆ แล้ว คำว่าประสบความสำเร็จของแต่ละคน อาจมีความหมายต่างกัน

บ้างวัดกันที่ตัวเลขยอดขาย จนกลายเป็นยอดดาวน์โหลด-ยอดวิวในปัจจุบัน

บ้างวัดกันที่จำนวนโชว์ ในแต่ละเดือน แต่ละปี ที่นำมาซึ่งรายได้ก้อนโต

แต่คำว่าความสำเร็จของ เอ๋ (ร้องนำ), กอล์ฟ (กีต้าร์), โอ๋ (กีต้าร์), เอ (เบส), พัน (กลอง) แห่งวงอีโบล่ากลับต่างออกไป

พวกเขามองว่า ขอเพียงแค่ได้เล่นดนตรีที่รักกับเพื่อนๆ 5 คน และทำให้ดนตรีเมทัลได้กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนในเมืองไทยบ้าง ก็พอแล้ว

“จริงๆ แล้วเราก็ผ่านอะไรกันมาเยอะนะกับการทำงานกว่า 20 ปีของ อีโบล่า” เอ๋ เล่าถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาของทางวงและว่า “มันจะมีช่วงที่เพลงมันดัง ช่วงนั้นก็จะเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง พอผ่านเวลาไปมันก็จะมีช่วงที่ไม่มีงาน งานน้อย มันก็แย่ แต่เราก็พยายามมองทุกอย่างให้มันเป็นบวก ก็คิดว่าไม่เป็นไรหรอก มันอาจเป็นช่วงเวลาที่เราต้องผ่านไป เดี๋ยวมันก็ดีเอง เราเชื่ออย่างหนึ่งว่าดนตรีมันเป็นเหมือนกันหมดทั่วโลก มันเป็นเหมือนแฟชั่น ไม่ได้มีแนวใดแนวหนึ่งเป็นอมตะ หรือดังไปตลอดหลายร้อยปี มันเป็นวัฏจักรของมันไปเรื่อยๆ สิ่งสำคัญคือเราต้องเชื่อก่อนว่ามันจะต้องดีขึ้น อยู่ที่ว่าเราจะเหนียวแน่นกันแค่ไหน นั่นคือตัวตนของเรา ที่สำคัญคือเราทั้ง 5 คนผ่านมาทุกยุคแล้ว ไม่ว่าจะเป็นอัลเทอร์เนทีฟ, อิเล็กโทรนิคส์, พังค์, เร็กเก้, ฮิปฮอป เราเลยไม่รู้สึกว่ามันต้องแย่ไปกว่านี้แล้ว (หัวเราะกันทั้งวง)

L to R : เอ, กอล์ฟ, เอ๋, พัน, โอ๋

นอกเหนือจากแนวทางดนตรีแล้วคือสมาชิกวงที่ไม่เคยเปลี่ยนเลย อะไรคือเคล็ดลัพธ์ของความสัมพันธ์ที่ยาวนานขนาดนั้น
โอ๋ : อย่างผมกับพี่เอ๋ก็เป็นพี่น้องกัน เรียนทันกัน แล้วก็มาเจอเพื่อนในวงที่อาชีวะเสาวภา แล้วก็มาเจอพี่เอที่ม.ราชภัฎธนบุรี เราอยู่กันมานานจนเลยคำว่าเพื่อนไปแล้ว ชอบอะไรเหมือนๆ กันจนมันกลายเป็นครอบครัว ส่วนใหญ่ถ้ามีอะไรภายในวงก็จะคุยกันเลย จะไม่เก็บไว้ ซึ่งผมคิดว่าการเก็บไว้นั่นแหล่ะคือปัญหา ผมคิดว่าการที่วงดนตรีวงหนึ่งอยู่ด้วยกันมา 5 คน ถ้าเกิดไม่ชอบอะไรขึ้นมาสักอย่างก็ต้องพูดมาเดี๋ยวนั้น แล้วเคลียร์ให้มันจบไปทีละเรื่อง เราจึงอยู่ด้วยกันมาได้จนถึงทุกวันนี้

เอาเข้าจริงๆ แล้วฝีมืออย่าง Ebola สามารถแต่งเพลงป็อปแบบเมนสตรีมลุ้นยอดวิวหลักล้านได้ไม่ยาก อยากลองมาแนวนี้บ้างมั๊ย
เอ๋ : จริงๆ แล้วเราก็ลองมาแล้วหลายรูปแบบ ทั้งเพลงช้า เพลงเร็ว เพลงจังหวะกลางๆ แต่สุดท้ายแล้วเราจะรู้สึกว่า อะไรมันคือเรา อะไรมันคือสิ่งที่เราชอบ เราโตมากับอะไร อย่างวันหนึ่งเพลง *สิ่งที่ฉันเป็น มันโด่งดังมาก มันก็คือเรื่องใหม่ๆ ของเรา เราก็ลองทำแล้วมันก็เออ มันได้จริงๆ เว้ย มีคนเคยบอกเราในสมัยก่อนว่าวงดนตรีร็อคๆ หนักๆ เวลามาทำเพลงช้าเนี่ย มันทำเพราะนะ ซึ่งเราก็พิสูจน์ เออ เราทำได้เหมือนกัน เสร็จแล้วเราก็มานึกต่อว่า เราจะทำอะไรต่อไปดีวะ เพราะเราทำมาหมดแล้ว อย่างวันนี้เรามีซิงเกิ้ลใหม่ สิ่งที่เราทำก็คือเราพยายามนำเสนอในสิ่งที่เราเป็น สิ่งที่เราชอบ เราโตมากับดนตรีนูเมทัล เราก็คุยกันว่าเอาดนตรีนูเมทัลกลับมามั๊ย สังเกตว่าทุกวันนี้เด็กๆ รุ่นใหม่ๆ เค้าโหยหาสิ่งที่เป็นวินเทจ ซึ่งมันบังเอิญตรงกับสิ่งที่คิดไว้อยู่แล้ว และมันเป็นสิ่งที่ท้าทาย ฉะนั้นเราอยากทำอะไรเราก็ทำ ทำให้มันออกมาดี ให้มันออกมาจากตัวเราก็พอ

*สิ่งที่ฉันเป็น – ซิงเกิ้ลสร้างชื่อให้กับ อีโบล่า ในวงกว้าง จากอัลบั้ม Enlighten เมื่อปี 2005 

กบ Big Ass พูดถึง Ebola ช่วงที่ทำเพลง สิ่งที่ฉันเป็น ไว้น่าสนใจมาก อยากให้ช่วยเล่าโมเมนต์นั้นให้เราฟังสักหน่อย (ชมรายละเอียดในคลิป Ebola virus disease “Episode 3”)
กอล์ฟ : ผมจะเจอพี่กบ พี่อ็อฟ (Big ass) บ่อย ก็เลยจะสนิทกับแก พี่กบเองก็เคยเขียนเพลงให้กับอีโบล่ามาก่อน อย่างชุด Pole ก็จะมีเพลง จำ กับ ในความเป็นคน ก็จะเป็นเพลงมีเดี้ยม บัลลาด พอมาในเพลง สิ่งที่ฉันเป็น มันก็จะเป็นแบบอคูสติคมาเลย มันจะใสขึ้นมาอีกระดับ ก็ได้คุยกับพี่กบซึ่งก็จะคล้ายๆ ในคลิปที่ได้เห็นกัน ผมถามแกไปว่าถ้าผมทำเพลงแบบเป็นเพลงฟังไปเลย แฟนเพลงเค้าจะคิดยังไงมั๊ย เค้าจะบ่นพวกผมมั๊ย เค้าจะว่ายังไงหรือเปล่า แกก็บอกว่าเราว่าไม่นะ จริงๆ แล้วเราสามารถเล่าเรื่องที่มันจริงจังได้ เล่าเรื่องที่มันมีมุมมองดีๆ ได้

กระแสตอบรับเพลง สิ่งที่ฉันเป็น ค่อนข้างดีมากในกลุ่มเมนสตรีม แต่ในอีกมุมหนึ่งแฟนเพลงแท้ๆ ของทางวงเค้าว่าอย่างไรกันบ้าง
เอ๋ : อืมม (นิ่งคิดสักครู่) อันนี้เป็นคำถามที่ดี จริงๆ แล้วเราเลี่ยงไม่ได้หรอกสำหรับฟีดแบ็กที่จะมีกลับมา มันเป็นเหมือนทุกวงที่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ แล้วมีคนชอบ ที่เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวง แล้วถ้าเกิดมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วเค้าก็จะมีความรู้สึกแบบว่า เอ๊ะ.. ใช่เปล่าวะ เอ๊ะ.. ดีเปล่าวะ คือเราต้องเข้าใจตรงนั้นด้วย แต่ทีนี้สิ่งที่เราทำคือเราต้องเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นในการทำเพลง เราทำเพลงแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมามันก็ได้แบบเดิม เราทำแล้วเราก็ต้องทำให้ดีขึ้น พัฒนาให้มันดีขึ้น มันเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะต้องโดนคนด่า เราพูดตรงๆ นะ แต่ทีนี้เราจะทำยังไงให้เพลงมันมีคาแร็คเตอร์ของวงอยู่ อย่างน้อยๆ ไอ้ความเป็นอคูสติกที่มันเป็นเพลงช้า แต่ในนัยยะของเนื้อหาซึ่งจริงๆ แล้วเราไม่เคยเฉลยให้คนที่เค้าไม่เข้าใจฟังเลยนะ แต่เมื่อเวลามันผ่านไปวันนึงเราเชื่อว่าเค้าต้องเข้าใจในสิ่งที่เราเป็น ซึ่งเพลงสิ่งที่ฉันเป็นจริงๆ แล้วเนื้อหาของมันอย่างที่พี่กบบอกเลย ณ วันนึงถ้าอีโบล่าทำสิ่งที่ต่างออกไป คุณยังจะยังรักเราอยู่หรือเปล่า คุณยังจะชอบในสิ่งที่เราเป็นอยู่หรือเปล่า ซึ่งนี่มันคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเพลง ถึงแม้ดนตรีของมันจะเป็นอคูสติค แต่ถ้าคุณลองฟังถึงแก่นของมันแล้วคุณจะเข้าใจ ผมเป็นคนนึงนะที่ฟังเพลงแล้วมักจะอ่านเนื้อเพลง หาคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มนั้นๆ ว่าเค้ากำลังพูดถึงอะไร ถ้าเราศึกษามันจริงๆ เราจะไม่รู้สึกว่าวงๆ นั้นเค้าไม่ได้ทรยศต่อคนฟังเลย ผมเชื่อนะว่าคนที่เคยไม่ชอบเพลงนี้ จะกลับมาชอบเพลงนี้ เพราะอีโบล่าก็ยังคงเป็นอีโบล่าเหมือนเดิม วันนึงเราปรับเปลี่ยนวิธีการร้อง วันนึงเราปรับเปลี่ยนวิธีการเล่นดนตรี เพื่อให้มันมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาเพื่อให้คนส่วนใหญ่ที่เค้าไม่รู้จักเรา ได้ทำความรู้จักกับแนวดนตรีนี้มากขึ้น ซึ่งถ้าคนที่เค้าชอบอีโบล่าในยุคใหม่ๆ ฟังแล้วอาจจะกลับไปฟังเพิ่มในยุคเก่าๆ ซึ่งมันก็เป็นอะไรที่น่าเสี่ยง น่าลอง มันอยู่ที่เราจะกล้าแลกหรือเปล่าเท่านั้น

“จริงๆ แล้วเราเลี่ยงไม่ได้หรอกสำหรับฟีดแบ็กที่จะมีกลับมา มันเป็นเหมือนทุกวงที่ไม่ว่าคุณจะทำอะไรก็แล้วแต่ แล้วมีคนชอบ ที่เรียกได้ว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของวง แล้วถ้าเกิดมันมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปแล้วเค้าก็จะมีความรู้สึกแบบว่า เอ๊ะ.. ใช่เปล่าวะ เอ๊ะ.. ดีเปล่าวะ คือเราต้องเข้าใจตรงนั้นด้วย แต่ทีนี้สิ่งที่เราทำคือเราต้องเป็นผู้ใหญ่ให้มากขึ้นในการทำเพลง เราทำเพลงแบบเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมามันก็ได้แบบเดิม เราทำแล้วเราก็ต้องทำให้ดีขึ้น พัฒนาให้มันดีขึ้น มันเลี่ยงไม่ได้หรอกที่จะต้องโดนคนด่า เราพูดตรงๆ นะ” 

keyboard_arrow_up