ปั่นจักรยาน “อยุธยา” ตามหาของอร่อยด้วยงบ 500 บาท ย้อนมองวิถีไทยในมุมมองใหม่

ใครว่าเที่ยววิถีไทยจะเก๋ไก๋ไม่ได้ เรื่องนี้เราขอเถียงขาดใจเพราะจากการไปสัมผัสด้วยตัวเองมาหลายต่อหลายครั้ง เราขอบอกเลยว่าเที่ยววิถีไทยก็สนุกได้ไม่แพ้เที่ยวเมืองนอก แล้วยังได้รูปเก๋ไก๋ที่เป็นเอกลักษณ์มาอวดเพื่อนๆ อีกด้วย จากความสนุกนี้เอง “Travel on Budget เงินไม่มาก แต่เที่ยวได้ทั้งวัน” ในเดือนนี้ เราจึงขอเสนอทริปเที่ยวเก๋ไก๋แบบไทยสไตล์กันที่เมืองเก่า “พระนครศรีอยุธยา” แต่การเที่ยวแบบไทยสไตล์ในครั้งนี้มีความพิเศษอยู่ที่ความสนุกของการได้ปั่นจักรยานรอบเกาะเมือง พร้อมสนุกกับการถ่ายรูปเก๋ๆ และชมสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณีที่มีเสน่ห์และมนขลังกับแก๊งเพื่อนที่เรายกขบวนไปบุกอยุธยากันถึง 5 คน

และเมื่อเป็นทริป Travel on Budget เราจึงยังคงตีกรอบเงินในกระเป๋าอีกเช่นเคย โดยทริปนี้เราขอกำหนดเงินในกระเป๋าอยู่ที่คนละ 500 บาท (จึงได้เงินกองกลางถึง 2,500 บาท) กับการบุกไปเยือนอยุธยาใน 1 วัน …เส้นทางการปั่นจะสมบุกสมบันกันแค่ไหน ภาพที่ได้จะเก๋ไก๋อย่างไร และของกินจะอร่อยมากแค่ไหน ตามไปชมกันเลย!!


 

– 01 –
ปั่นจักรยานรอบเกาะเมือง เสพย์เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมโบราณ

Ayutthaya_02

เราขอเริ่มต้นทริปจากการไปเยือน “เกาะเมือง” หรือชื่อทางการว่าอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ อีกทั้งโบราณสถานหลายแห่งยังเป็น ‘มรดกโลก’ อีกด้วย และแน่นอนว่าเสน่ห์ของเกาะเมืองย่อมอยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณีที่มีอยู่มากมาย แต่โบราณสถานแต่ละที่ย่อมมีเสน่ห์และมนขลังที่ต่างกัน โดยโบราณสถานแต่ละแห่งจะอยู่ไม่ไกลกันมาก ช่วงเช้านี้เราจึงขอเดินทางไปสำรวจประวัติศาสตร์ด้วยการ ‘ปั่นจักรยาน’ กัน

สำหรับร้านเช่าจักรยานนั้นมีหลายร้านให้เราเลือกเช่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่ร้านเช่าจักรยานจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเกาะเมือง ทั้งฝั่งตรงข้ามวัดมหาธาตุและวัดราชบูรณะ ในราคาคันละ 50 บาทปั่นได้ตลอดวัน สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ควรรู้คือ เราไม่สามารถปั่นจักรยานเข้าโบราณสถานได้ ดังนั้นเราต้องจอดจักรยานเอาไว้ด้านนอก แต่คุณไม่ต้องกลัวว่าจักรยานจะหายเพราะทางร้านจะให้กุญแจและโซ่ล็อกมาด้วย นอกจากนี้เราต้องเตรียมเงิน 10 บาท เป็นค่าเข้าเยี่ยมชมอีกด้วย

หลังจากที่เราได้จักรยานคู่ใจแล้ว เราก็เริ่มออกสตาร์ทกันเลยและเส้นทางการปั่นรอบเกาะเมือง เริ่มจาก วัดมหาธาตุ >> วัดราชบูรณะ >> วัดธรรมิกราช >> วัดพระศรีสรรเพชญ์ สิ้นสุดที่บึงพระราม

เริ่มต้นด้วยวัดมหาธาตุ วัดที่โดดเด่นด้วย ‘เศียรพระพุทธรูปหินทราย’ ซึ่งมีรากต้นโพธิ์ปกคลุมอยู่ หรือที่หลายคนรู้จักว่าเศียรพระในต้นไม้ ซึ่งนอกจากจะเป็นมรดกโลกแล้ว ยังแฝงไว้ด้วยมนขลังจนเราต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง นอกจากนี้ด้วยการจัดวางผังของวัดมหาธาตุทำให้มีจุดถ่ายภาพที่แปลกตา ภาพที่ได้จึงมีหลากหลาย

หลังจากที่เก็บเสน่ห์ของวัดมหาธาตุไว้ในกล้องเรียบร้อยแล้ว โบราณสถานแห่งต่อไปคือวัดราชบูรณะ โดยจากวัดมหาธาตุให้ปั่นไปทางทิศเหนือหรือปั่นไปตามถนนเส้นหลัก (ถนนอู่ทอง) ไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับวัดราชบูรณะ สำหรับวัดราชบูรณะแห่งนี้ เราจะเห็นปรางค์ประธานโดดเด่นมาแต่ไกล แม้ว่าช่วงเวลาที่เราไปเยือนนั้นจะอยู่ในช่วงบูรณะ แต่มนขลังของปรางค์ประธานก็ยังดึงดูดให้เราจ่ายค่าตั๋วเข้าเยี่ยมชม เมื่อผนวกกับผนังใหญ่จากวิหารและความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ที่ปกคลุมให้ร่มเงา ทำให้โบราณสถานแห่งนี้บรรยากาศดีและเงียบสงบ

หลังจากดื่มด่ำกับปรางค์ประธานและวิหารหลวงของวัดราชบูรณะแล้ว เราก็ขอชวนคุณแวะไปไหว้พระสักการะพระนอน กันที่วัดธรรมิกราช ซึ่งสถานที่แห่งนี้เป็นทั้งวัดและโบราณสถานที่ให้เราได้ไหว้พระทำบุญและยังได้ชมวิหารหลวงขนาดใหญ่ ซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐ์ของเศียรพระพุทธรูปหล่อสัมฤทธิ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หล่วงพ่อแก่” ซึ่งปัจจุบันกรมศิลปากรนำไปไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา

จากวัดธรรมิกราชปั่นไปทางถนนอู่ทอง แล้วเลี้ยวซ้ายที่ถนนคลองท่อก็จะพบกับไฮไลท์ของทริปนี้ นั่นก็คือวัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นอารามหลวงที่ตั้งอยู่ในเขตพระราชวังโบราณ เป็นโบราณสถานที่มีสำคัญเทียบเท่ากับวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร วัดพระศรีสรรเพชญ์จึงเต็มไปด้วยเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมไทยประเพณีซึ่งกลายมาเป็นต้นแบบของวัดและพระราชวังในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์อย่างวัดพระแก้วนั่นเอง ส่วนเสน่ห์ของที่นี่คงไม่พ้นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำสามองค์ที่ตั้งเรียงกันในแนวตะวันออก-ตะวันตก นอกจากนี้สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือการไปเยือนราชวังที่แม้เราจะเห็นเพียงกำแพงเก่าสีส้ม แต่ด้วยสถาปัตยกรรมที่มีความสลับซับซ้อน ทำให้เราได้ภาพเก๋ไก๋ที่มีความลึกหนานั่นเอง

ไม่ไกลจากวัดพระศรีสรรเพชญ์จะเป็นวัดพระราม แม้เราจะไม่ได้ปั่นจักรยานเข้าไปเยือน แต่เราก็สามารถแวะจอดถ่ายรูปจากภายนอกได้ นอกจากนี้ถัดจากวัดพระรามจะเป็นสวนสาธารณะพระรามที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่และบึงน้ำใสให้เราได้ปั้นจักรยานไปสูดความบริสุทธิ์ของธรรมชาติ พร้อมถ่ายรูปเก๋ๆ และแวะพักขาก่อนจะไปลุยกันต่อในช่วงบ่าย


 

– 02 –
ตามรอยของอร่อย เสพย์วิวสวยริมน้ำ

Ayutthaya_22

หลังจากเหน็ดเหนื่อยแต่สนุกกับการปั่นรอบเกาะเมืองแล้ว ก็ถึงคิวเติมพลังให้อิ่มท้องกับการตามรอยของกินที่ใครๆ เขาว่าอร่อยกัน และจากข้อมูลที่ได้หลายคนคอนเฟิร์มว่าก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กสูตรโบราณเจ้านี้ต้องลอง โดยก๋วยเตี๋ยวเรือป้าเล็กจะอยู่ตรงข้ามวัดมหาธาตุ ซึ่งใกล้กับร้านจักรยานที่เราเช่าทำให้เราตัดสินใจเติมพลังงานกันที่ร้านนี้ ก๋วยเตี๋ยวเรือร้านนี้จะเสิร์ฟเฉพาะชามเล็ก ชามละ 15 บาทเท่านั้น ดังนั้นเราจึงไม่หยุดทานเพียงแค่ชามเดียวอย่างแน่นอน นอกจากนี้เพื่อนเจ้าถิ่นยังแนะนำให้ไปชิมก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกต้มยำแม่ประนอม โดยเมนูเด็ดคือก๋วยเตี๋ยวขาไก่หม้อดิน แต่น่าเสียดายที่เราไม่ได้ไปจัด แต่ใครที่ไปชิมมาแล้ว อย่าลืมแวะมาบอกเราด้วยว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง

ต่อจากมื้อเที่ยงหลายคนก็เริ่มอยากทานขนมหวานกันต่อ และเราเองก็ไม่พลาดที่จะสรรหาร้านคาเฟ่ที่มีขนมอร่อยในบรรยากาศดีๆ มาฝากคุณผู้อ่านอีกเช่นเคย โดยคราวนี้เราขอเสนอ Sala Ayutthaya Eatery and Bar ร้านอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโรงแรมศาลา อยุธยา จุดเด่นของที่นี่คือวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งฝั่งตรงข้ามเราจะเห็นพระปรางของวัดพุทไธสวรรค์ที่ทั้งโดดเด่นและงดงาม เป็นสถานที่สงบบรรยากาศดีที่ให้เราได้นั่งพักขากันอย่างสุนทรีย์

ส่วนเมนูแนะนำของที่นี่ ต้องไม่พลาดกับเมนูซิกเนเจอร์อย่างไอศกรีมตัดชาไทย (190 บาท) ไอศกรีมชาไทยรสเข้มข้นที่ประกบด้วยขนมปังหอมๆ เสิร์ฟมาในรูปแบบเสียบไม้ชวนให้เรานึกถึงไอศกรีมโบราณ ตามด้วยกล้วยหอมทอด เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมช็อกโกแลต (190 บาท) ที่รับรองว่าอร่อยไม่ซ้ำใคร โดยเฉพาะกล้วยทอดร้อนๆ ที่อัดแน่นด้วยกล้วยหอมเต็มปากเต็มคำทานคู่กับไอศกรีมช็อกโกแลตรสหวานอร่อยจนต้องยกนิ้วให้ ปิดท้ายด้วย Sala Smoothies (190 บาท) เมนูขายดีของที่นี่ ซึ่งใช้มะม่วงเป็นวัตถุดิบหลักจึงให้รสชาติของมะม่วงแบบเข้มข้น

แต่หากใครยังอิ่มกับมื้อเที่ยงและไม่นึกอยากทานขนมหวาน เราแนะนำให้คุณไปเยือนพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นกันก่อน แล้วค่อยแวะกลับไปทานขนมหวานจานอร่อยในยามบ่ายก็ไม่ว่ากัน

Sala Ayutthaya
Sala Ayutthaya

 

– 03 –
ย้อนความสุขเมื่อวันวานกันที่พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น

Ayutthaya_29

อีกหนึ่งสถานที่ไฮไลท์ของอยุธยาคือ พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่น ที่ชวนให้เราตื่นตาตื่นใจและมีรอยยิ้มตลอดการเยี่ยมชม เพราะภายในพิพิธภัณฑ์เต็มไปด้วยของเล่นนานาชนิดกับตัวการ์ตูนจากหลากหลายเรื่อง ซึ่งช่วยย้อนความทรงจำในวัยเด็กให้เราได้คิดถึง ไม่ว่าจะเป็นมารูโกะ, ชินจัง จอมแก่น, อันปังแมน, อุลตร้าแมนทั้งตัวใหญ่และตัวเล็ก, หุ่นยนต์สังกะสีแบบต่างๆ แม้กระทั่งตัวการ์ตูนจากเรื่องอลิสก็ยกขบวนมาอวดโฉมให้เราได้เก็บรูปประทับใจ

สำหรับพิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นเป็นเสมือนคลังสมบัติของคุณเกริก ยุ้นพันธ์ ซึ่งเขาสะสมเอาไว้กว่า 30 ปีและยังคงสะสมเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อผนังทางขึ้นบันไดมีกรอบรูปซึ่งบอกถึงสถานที่ซื้อของเล่นให้เราได้ตามไปเก็บอีกด้วย นอกจากใครที่ไม่อยากทานก๋วยเตี๋ยวเป็นมื้อเที่ยงสามารถมาเติมพลังกันที่นี่ได้ เพราะด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือและร้านอาหารตามสั่งคุณเกริก ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้คุณผู้อ่านมาทานอาหารกัน


– 04 –
ชมอาทิตย์ตกก่อนกลับกันที่วัดไชยวัฒนาราม

Ayutthaya_31

ก่อนที่เราจะโบกมือลาเมืองเก่าอยุธยา เราขอชวนคุณไปชมพระอาทิตย์ตกดินกันก่อน โดยเราเลือกไปเยือนวัดไชยวัฒนาราม เป็นแห่งสุดท้ายก่อนกลับ เพราะโบราณสถานแห่งนี้ยังคงความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมแบบไทยประเพณี ผนวกกับทัศนียภาพที่กว้างขวางและแสงสีทองของพระอาทิตย์ยามเย็น ทำให้ภาพที่เราเห็นสวยจนเราไม่อยากกลับกรุงเทพกันเลย นอกจากนี้วัดไชยวัฒนารามยังเป็นเส้นทางกลับ จึงไม่เสียเวลามากนักหากเราจะแวะไปอีกสักที่ก่อนกลับกรุงเทพ

Story : Taliw
Photo : Sroisuwan.T
VDO : Beck Sabbath
Graphic : Save
keyboard_arrow_up